หูฟังที่ไม่ใส่ไปในรูหู

หูฟังที่ไม่ใส่ไปในรูหู ใช่ครับเพื่อนๆอ่านไม่ผิด

หูฟังที่ไม่ใส่ไปในรูหูเป็นเทคโนโลยีความทันสมัยอีกขั้นสำหรับหูฟังแบบไม่เสียบรูหู และการทำงานของมันใช้งานยังไงนั่นหรอ เจ้าหูฟังตัวนี้จะมีการใช้งานแบบหูฟังปกติทั่วไปเลยก็ว่าได้ไม่ว่าจะใช้ฟังเพลง ออกกำลังกาย หรือบางรุ่นบางแบรน์ สามารถกันเหงื่อกันน้ำได้อีกด้วย

หูฟังตัวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทแบบไร้สายเหมาะสำหรับคนที่ไลฟ์สไตล์ชิลๆ อยากใส่หูฟังแต่เกิดความรำคาญหรือหูอื้อเวลาเสียบจุกอุดเข้าไปในรูหูการใช้งานของมันทำงานแบบ Bone Conduction เวลาสวมใส่ไปแล้วบางคนอาจจะงงๆ

ว่ามันจะได้ยินหรอทำไมมันถึงไม่ต้องใส่เข้าไปในรูหู การใส่ก็คือคล้องไปที่บริเวณคอของเราแล้วคล้องเข้ามาที่กระดูกข้างๆหูทั้งสองข้าง การทำงานของมันจะใช้คลื่นเสียงกระเพื่อมไปยังกระดูกข้างๆหู

ทำให้เราได้ยินเสียงที่ออกมา แทนที่เราจะใส่หูฟังเข้าไปในช่องรูหูถ้าคนที่ไม่เคยใช้งานมาก่อนจะรู้สึกแปลกๆ สักนิดเพราะไม่ชินกับการใช้งานของมัน หูฟังประเภทนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากฟังเพลงคลอๆ ไม่ได้อยากได้ยินเสียงดนตรีมากนัก

และยังอยากได้ยินเสียงของรอบข้างโดยที่เรายังสามารถฟังเพลงต่อไปได้อีกด้วย  ส่วนเรื่องเสียงของมันไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้กับรุ่นอื่นๆ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับหูฟังธรรมดาหรือหูฟังทั่วไปนั้น หูฟังประเภท Bone Conduction จะมีประสิทธิภาพสู้หูฟังปกติไม่ได้เลยสักอย่าง

แต่มันก็ยังคงมีข้อดีอีกหลายๆข้อ สำหรับคนที่ชอบหูฟังตัวนี้ ก็ถ้าเพื่อนๆสนใจ แบบที่กระผมกล่าวไปข้างต้นนั้นแนะนำให้ไปลองดูก่อนนะครับ อย่าพึ่งรีบตัดสินใจซื้อ เพราะอาจจะไม่ถูกใจหูฟังตัวนี้ก็เป็นได้

 

ขอบคุณเว็บ  เครื่องช่วยฟัง  ที่คอยสนับสนุนเรามาตลอด

ประโยชน์ของข้าว

ข้าวสาร เป็นอาหารจานหลักของคนไทยเรา เรียกว่าต้องทานกันเกือบสามมือเลยทีเดียว และจะต้องมีติดบ้านไว้เกือบทุกหลังคา ที่จะต้องมีการหุงข้าวไว้ติดบ้าน เมื่อมีแขกมาสิ่งแรกเลยก็คือต้องหาอารัยให้ทาน แต่ข้าวสารก็มีหลายชนิดทั้งนิ่ม ทั้งแข็ง มีทั้งข้าวขาว ข้าวสี และยังมีอีกหลายสายพันธ์ ยังพันธ์หอมมะลิ เหลืองสุรินทร์ ขาวตาแห้ง ก็เลือกทานตามความชอบของแต่ละครอบครัว แต่ประโยชน์ของข้าวนั้นก็มีมากมายหลายคนอาจจะยังไม่รู้

ประโยชน์ของข้าว

เมื่อเราปลูกข้าวเสร็จแล้วก็ต้องทำการสีข้าว เพื่อที่จะเอาเปลือกของข้าวออกมา เมื่อได้เปลือกของข้าวออกมาเราจะเรียกว่าแกลบ แกลบสามารถนำไปเป็นเชื้อเพลิงหรือผสมดินนำปลูกต้นไม้ได้ เมื่อทำการสีข้าว เราก็จะได้รำข้าว ส่วนของรำข้าวเราสามารถนำไปผสมกับหยวกกล้วยสับแล้วนำไปเลี้ยงหมู และเลี้ยงไก่ได้ และยังช่วยให้พลังงานแก่มนุษย์ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย บำรุงผิวพรรณให้สวยงามและยังป้องกันโรคลิ่มเลือด โรคต้อกระจก โรคโลหิตจาง และยังช่วยลดอาการของวัยทองด้วย

ข้าวที่คนไทยนิยมทาน

ข้าวที่คนไทยนิยมนำมาทานกันมีอยู่ด้วยกัน 6 ชนิด

ข้าวขาว อย่างเช่นข้าวสาวไห้ ข้าวเหลืองประทิวชุมพร หรือข้าวเหนียวกอเดียว เมื่อหุงสุกแล้วเมล็ดค่อนข้างรวน และจะบูดช้า และข้าวจะแข็งขึ้นเมื่อนำไปอุ่นแล้วก็จะไม่หาย

ข้าวหอมมะลิ เมื่อหุงข้าวหอมมะลิแล้วจะมีกลิ่นหอมของข้าวขึ้นมาเวลาที่เราเปิดหม้อ เนื้อข้าวจะนิ่มชวนรับประทาน เมื่อนำกลับมาอุ่นใหม่ก็ยังจะนิ่มเหมือนเดิม

ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นข้าวที่ได้ผสมพันธ์ข้าวขึ้นมาใหม่ เมล็ดข้าวจะเป็นสีม่วงเข้มจนเกือบดำ เมื่อหุงสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม และยังช่วยต้านอนุมูลอิสละด้วย

ข้าวเหนียว ข้าวเหนียวก็มี 2ชนิดเหมือนกันมีทั้งข้าวเหนียวดำ และข้าวเหนียวขาว เวลาหุงจะต้องแช่น้ำก่อนและนำไปหุงกับหวดแต่ข้าวเหนียวดำจะแข็งกว่าข้าวเหนียวขาวมาก เวลาจะหุงข้าวเหนียวดำจึงต้องผสมข้าวเหนียวขาวลงไปด้วย

ข้าวกล้อง เป็นข้าวแค่ผ่านการเอาเปลือกออกเท่านั้นไม่มีการขัดสี เมื่อข้าวสุกแล้วออกจะแข็งก่อนหุงจึงควรไปแช่น้ำก่อนสักพักแล้วนำมาหุงและยังช่วยรักษาอาการเหน็บชาได้ด้วย

ข้าวญี่ปุ่น ข้าวญี่ปุ่นนี้เมล็ดข้าวจะเป็นเมล็ดสั้นๆ เมื่อหุงสุกแล้วจะจับตัวได้ดี มีกลิ่นหอม รสชาติออกหวานน่ารับประทาน

ข้าวทั้งหมดนี้ยังสามารถนำไปแปรรูปทำอาหารได้อีกมากหน้าหลายตา อย่างสามารถเอาไปทำแป้ง และยังนำไปทำอาหารให้ดูน่ารับประทานอย่างพวกซู่ชิ เป็นต้น

 

ได้รับการสนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงหวยฮานอย

การเติบโตของธุรกิจรถยนต์ให้เช่า

 เราคงจะเคยทราบกันมาบ้างแล้วว่าประเทศไทยบางพื้นที่มีการเปิดบริการให้เช่ารถยนต์เพื่อนำไปขับไปไหนมาไหนกรณีที่เราอาจจะเดินทางไปต่างถิ่น ต่างจังหวัดแต่ไม่สะดวกนำรถเขาตัวเองขับไป เมื่อไปถึงที่สนามบินที่นั่นจะมีเคาน์เตอร์คอยให้บริการเช่ารถยนต์ซึ่งเป็นกิจการเช่ารถยนต์ระยะสั้น หมายถึงว่ากำหนดการเช่ารถยนต์อาจจะเช่า 3-7 วันหรือบางคนก็เช่าเพียงวันเดียวเท่านั้น

ซึ่งกิจการนี้ค่อนข้างสร้างกำไรให้กับผู้ประกอบการมากทีเดียวเพราะหลายคนเวลาที่เดินทางไปท่องเที่ยวหรือเดินทางไปทำธุระที่ต่างจังหวัด หากต้องขับรถไปเองจะเสียเวลาในการเดินทางและอันตรายมากในการขับรถระยะทางไกล ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงเลือกการเดินทางด้วยเครื่องบินแทนเพราะสะดวกและรวดเร็ว เราไม่ต้องมาเมื่อยเนื้อตัวเพราะต้องขับรถทางไกลและเมื่อเราไปถึงจึงหวัดที่เราต้องไปทำธุระหรือไปเที่ยว

เราก็เพียงแค่ติดต่อหาร้านเช่ารถที่เปิดให้บริการประจำจังหวัดนั้นๆ แค่นี้เราก็สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบายได้แล้ว และเมื่อเราจะกลับบ้านเราก็เพียงขับรถไปคืนตามจุดที่ร้านเช่ารถมีการแจ้งไว้ จ่ายค่าเช่าแค่นี้ก็จบไม่ยุ่งยากอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จุดให้เช่ารถและคืนรถก็จะสามารถติดต่อได้ที่สนามบินได้เลย เพราะเราสามารถมาถึงสนามบินเช่ารถแล้วขับออกไปขากลับยังไงก็ต้องกลับทางเครื่องบินก็ขับมาคืนที่สนามบินสร้างความสะดวกสบายให้กับคนที่ใช้งานเป็นอย่างมาก และในปัจจุบันธุรกิจเช่ารถยนต์ค่อนข้างขยายการเจริญเติบโตมากขึ้นปัจจุบันมีธุรกิจเช่ารถยนต์ในระยะยาว

นั่นหมายถึงเราสามารถเช่ารถมาใช้งานได้ถึง 7-8 ปีได้เลยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เราตกลงไว้กับบริษัทที่เราซื้อขายรถยนต์ ซึ่งธุรกิจนี้ต่างประเทศมีการเปิดบริการมาสักพักแล้ว แต่ประเทศไทยเพิ่มเริ่มมาไม่นาน แต่ผู้คนต่างก็เริ่มรู้จักธุรกิจนี้กันมาขึ้นมาบ้างแล้ว เราสามารถทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์และผ่อนจ่ายเหมือนกันซื้อรถยนต์ปกติเพียงแต่หากเราต้องการเปลี่ยนรถคันใหม่เราสามารถนำรถคันที่เราเช่าซื้อไปทำการคืนบริษัทที่เราทำสัญญาเช่าซื้อ

และเราก็สามารถไปเรื่องเช่าซื้อรถคันใหม่ได้ ทำให้เราสามารถเปลี่ยนรถใหม่ได้เรื่อยๆหากรถของเรามีอายุการใช้งานนานหลายปี ทำให้เราไม่ต้องมาขับรถเก่า 8 หรือ 9 ปีอีกต่อไปผู้ประกอบการเกี่ยวกับธุรกิจรถยนต์เคยออกมาบอกว่าตอนนี้ธุรกิจการเช่าซื้อรถกำลังเป็นที่สนใจของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก แต่หากเป็นหน่วยงานราชการแล้วละก็ตอนนี้มีการเช่ารถระยะยาวไปขับแบบ 100 %แล้ว

 

สนับสนุนโดย  บิ๊กไบค์มือสอง

ร่างกายของคุณจะเป็นอย่างไรหลังจากเลิกสูบบุหรี่

ถ้าหากจะบอกว่าคนทุกคนบนโลกนี้รู้ดีว่าบุหรี่เป็นอันตรายต่อร่างกายก็คงจะไม่เกินความเป็นจริงจนกระทั่งเกินความจำเป็นนักสำหรับคนที่สูบบุหรี่ คำถามไม่ใช่ว่าบุหรี่เป็นสิ่งที่เลวร้ายหรือเปล่า แต่ว่าคำถามคือการเลิกสูบบุหรี่นั้นคุ้มค่าความพยายามหรือเปล่า

ข้อมูลส่วนมากที่เกี่ยวเนื่องกับการสูบบุหรี่มักกล่าวถึงภัยร้ายของบุหรี่ที่มีต่อร่างกาย เพราะฉะนั้นแทนที่พวกเราจะพูดถึงอันตรายของการสูบบุหรี่ในที่นี้ พวกเราควรกล่าวถึงประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพถ้าหากคุณเลิกสูบบุหรี่ ลองมาดูกันถึงประโยชน์ทั้งสิ้นของการเลิกสูบบุหรี่มีต่อร่างกายของคุณ

ประโยชน์ที่คุณจะได้รับในทันทีเมื่อหยุดดูดบุหรี่

การสูบบุหรี่ทำให้หัวใจคุณเต้นเร็วขึ้น เชื่อหรือเปล่าว่าภายหลังจากคุณดูดบุหรี่มวนสุดท้ายไปได้ 20 นาที อัตราการเต้นของหัวใจคุณจะน้อยลงมาจนกระทั่งเกือบจะอยู่ในระดับปกติ และก็ภายในระยะเวลาสองชั่วโมงอีกทั้งความดันโลหิตรวมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจของคุณจะลดลงกระทั่งอยู่ในระดับธรรมดา อาการถอนนิโคตินจะเริ่มแสดงออกโดยประมาณสองชั่วโมงหลังจากคุณดูดบุหรี่มวนสุดท้าย

ทุกครั้งที่คุณสูบบุหรี่ คุณจะได้สูด ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เป็นพิษต่อสุขภาพร่างกายเข้าไปในระดับสูง แต่ว่าข่าวดีก็คือมันเป็นสารพิษประเภทแรกที่ออกมาจากร่างกายของคุณหลังจากคุณเลิกสูบบุหรี่

ในขณะที่คุณสูบบุหรี่ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จะเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางปอดรวมทั้งยั้งหรือขัดขวางไม่ให้ก๊าซออกซิเจนจับกับเม็ดเลือดแดง การขาดก๊าซออกซิเจนเป็นเหตุให้เกิดโรคหัวใจที่ร้ายแรงและก็ปัญหาที่เกิดขึ้นทางสุขภาพอื่นๆภายหลังคุณเลิกสูบบุหรี่ไปได้ 12 ชั่วโมง ระดับก๊าซออกซิเจนในเลือดของคุณจะกลับมาอยู่ในระดับปกติรวมทั้งระดับ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ภายในร่างกายของคุณจะลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว

ภายหลังจากคุณหยุดสูบบุหรี่ได้หนึ่งวัน การเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ (CAD) จะลดน้อยลงเช่นเดียวกับการเสี่ยงที่จะเกิดอาการหัวใจวาย ถ้าหากคุณเลิกสูบบุหรี่ได้สองวัน การรับรสแล้วก็การรับกลิ่นของคุณจะเริ่มดีขึ้น ปลายประสาทของคุณเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ ในระยะนี้คุณอาจจะรู้สึกหงุดหงิดเนื่องจากว่าความต้องการสูบบุหรี่

ภายหลังคุณเลิกสูบบุหรี่ได้ 3 วัน สารนิโคตินจะไม่เหลือภายในร่างกาย ทำให้ท่านมีอาการถอนนิโคติน เป็นต้นว่า คลื่นไส้อาเจียน ปวดหัว กระวนกระวายแล้วก็อารมณ์เสีย ถึงแม้ว่าช่วงนี้เป็นระยะที่ยากที่สุดสำหรับในการหยุดสูบบุหรี่ แต่ว่าอาการเหล่านี้จะหายไปภายในช่วงระยะเวลาโดยประมาณหนึ่งสัปดาห์รวมทั้งได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าความพยายาม

นับจากวันที่ 10 หลังจากคุณเลิกสูบบุหรี่ อาการพวกนี้จะลดลงหรือหมดไป รวมทั้งการไหลเวียนของเลือดรอบๆเหงือกแล้วก็ฟันของคุณจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

 

สนับสนุนโดย  Kardinal stick

การใช้งานสายฉีดชำระที่ถูกสุขลักษณะ

การใช้งานสายฉีดชำระที่ถูกสุขลักษณะ

ฉีดสายชำระจากหน้าไปหลัง หรือจากหลังไปหน้าดี
การใช้สายชำระที่ถูกทางจำต้องฉีดจากส่วนที่สะอาดไปยังส่วนเลอะเทอะ ซึ่งข้างหน้าของสตรีมีท่อปัสสาวะและก็ช่องคลอด ส่วนข้างหลังมีทวารหนักซึ่งเป็นอวัยวะถ่ายสิ่งสกปรกออกมาจากร่างกาย เพราะฉะนั้นการฉีดน้ำชำระก็เลยจำเป็นต้องฉีดจากข้างหน้ามาด้านหลัง เพื่อปกป้องอุจจาระไปแปดเปื้อนเชื้อโรคหรือแบคทีเรียที่จะไปสู่ช่องคลอดหรือท่อปัสสาวะ ซึ่งอาจจะทำให้กลายเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือช่องคลอดอักเสบได้ ดังนั้นควรจะฉีดเพียงแค่เบาๆ ล้างทุกซอกมุมให้สะอาด แล้วหลังจากนั้นใช้กระดาษชำระขัดถูให้แห้งอีกรอบ โดยถูจากข้างหน้าไปข้างหลังด้วยเหมือนกัน ทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นแนวทางที่สะอาดและก็ไม่เป็นอันตรายอีกทั้งในคุณสุภาพสตรีรวมทั้งเพศชาย

วิธีการทำความสะอาดสายชำระในส้วมสาธารณะ
หลายๆ คนขยาดเรื่องความสะอาดในส้วมสาธารณะ จำเป็นต้องกลั้นใจกลั้นปัสสาวะกลับไปใช้ห้องอาบน้ำที่บ้าน แต่ว่าบางทีก็มีที่ทนไม่ไหว ที่จะกลับไปเข้าห้องน้ำที่บ้าน ทำให้ต้องพึ่งพิงส้วมสาธารณะแบบรีบด่วน หากแม้รีบมากแค่ไหนควรต้องฉีดน้ำจากหัวจ่ายทิ้งในโถส้วมสัก 3-4 ครั้ง แล้วต่อจากนั้นก็ฉีดน้ำออกมาเพื่อล้างหัวฉีดให้สะอาด แล้วกดชักโครกทิ้งชำระล้างโถส้วมไปพร้อมเพียงกัน เพื่อความมั่นใจว่าไม่มีคราบเปื้อนเก่าจากผู้ที่ใช้ส้วมก่อนหน้า

ดังนั้นถ้าด้านในส้วมมีน้ำยาชำระล้างโถส้วม สามารถใช้กระดาษชำระรองน้ำยาที่ใช้สำหรับเพื่อการทำความสะอาดแล้วเอามาถูที่หัวสายฉีดจ่ายก่อนชำระล้าง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยผ่อนคลายเพื่อลดการเกิดความตื่นตระหนกเรื่องความสะอาดของส้วมสาธารณะลงบ้าง

ส้วมสาธารณะไม่มีสายชำระจะต้องทำยังไง?
บุ่มบ่ามเข้าส้วมสาธารณะแล้วเจอความว่าไม่มีสายชำระ ให้ลองค้นกระเป๋าหาแก้วน้ำใช้แล้วหรือขวดน้ำเอามาล้างให้สะอาด รองน้ำเข้าไปเพื่อชำระล้างเมื่อเสร็จธุระ แล้วหลังจากนั้นก็เช็ดให้แห้งด้วยกระดาษชำระ ถ้าหากว่าไม่มีภาชนะรองน้ำให้ใช้กระดาษชำระแบบแฉะ โดยไม่ลืมที่จะขัดจากข้างหน้าไปข้างหลังเสมอ

ความสะอาดเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องเอาใจใส่ ถึงแม้มองไม่เห็นผลในเร็ววัน แต่ถ้าสะสมหมักหมมไปนานๆ บางทีอาจเป็นบ่อเกิดของโรคติดเชื้อหลายๆโรค ยิ่งเมื่อปล่อยทิ้งเอาไว้ การดูแลและรักษาที่ง่ายบางทีอาจเปลี่ยนไปเป็นยาก หรือรักษาไม่หายก็เป็นไปได้ โดยเหตุนั้นก็เลยไม่สมควรละเลยเรื่องเล็กน้อยลับๆ เกี่ยวกับการใช้สุขาเด็ดขาด

ทำอย่างไรให้เครื่องช่วยฟังใช้งานได้นาน

        สำหรับบุคคลที่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพื่อช่วยให้ได้ยินเสียงหรือที่เราเรียกกันว่าเครื่องช่วยฟังนั้น จำเป็นต้องเข้าใจการใช้งานและการเก็บรักษาเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ให้ดี เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน อย่างที่รู้กันว่าเจ้าอุปกรณ์ช่วยฟังนี้ จะค่อนข้างมีราคาสูงดังนั้นเพื่อช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในการที่จะต้องเปลี่ยนเครื่องช่วยฟังอยู่บ่อยๆ เราจึงควรรู้หลักวิธีการดูแลรักษา เนื่องจากอุปกรณ์ชนิดนี้เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์  ดังนั้นสิ่งที่ควรระวังเนอย่างยิ่งคือการ การทำหล่น การกระแทกแตกหัก

เรามาดูกันว่าต้องดูแลอุปกรณ์นี้อย่างไรบ้าง

  1. เนื่องจากอุปกรณ์ชนิดนี้เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความบอบบาง จึงควรระวังเรื่องการกระแทก การทำหล่น เพราะจะทำให้อุปกรณ์ได้รับความเสียหายได้
  2. ห้ามโดนของเหลวทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น น้ำ น้ำหอม  สเปรย์หรือเจลใส่ผม และห้ามแม้แต่ทำเปียกฝนดังนั้นจึงควรถอดออกก่อนอาบอาบน้ำหรือล้างหน้าทุกครั้ง
  3. เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่เพราะหาซื้อได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นเมื่อเราไม่ได้ใช้งานควรมีการถอดแบตเตอรี่ออกทุกครั้งเพื่อรักษาแบตเตอรี่ให้สามารถใช้งานได้นานขึ้น ไม่หมดเร็ว
  4. นอกจากเราจะต้องเก็บเครื่องช่วยฟังให้ห่างจากน้ำแล้ว เรายังต้องระวังเรื่องความร้อนและความเย็นที่มากเกินไปด้วยเพราะมีผลกับอุปกรณ์ช่วยฟังด้วยเช่นกัน  โดยอย่าถอดเครื่องช่วยฟังไว้ในรถที่จอดตากแดดนาน หรือย่าวางเครื่องช่วยฟังไว้ข้างเตาแก๊ส หรือบนหลังต้นเย็น หรืออย่าเก็บเครื่องช่วยฟังไว้ในตู้เย็นเป็นต้น
  5. หากล่องใส่เครื่องช่วยฟังที่มีฝากปิดสนิทมิดชิดป้องกันฝุ่นละอองเข้า และควรมีที่ดูดความชื้นอยู่ในกล่องด้วย 
  1. สำหรับแบตเตอรี่ควรซื้อจากร้านที่จำหน่ายอุปกรณ์ของเครื่องช่วยฟังโดยตรง อย่าซื้อตามร้านทั่วไปเพราะอาจมีผลทำให้อุปกรณ์เสื่อมสภาพเร็วได้ 
  2. ควรหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์หูฟังด้วยกันเช็คด้วยผ้าแห้งที่สะอาดและนุ่ม ส่วนอุปกรณ์ที่ต้องใส่ตรงหู เราไม่ควรทำความสะอาดเอง เพราะเป็นส่วนที่ต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค ดังนั้นควรนำไปติดต่อที่โรงพยาบาลที่ซื้อมาหรือร้านตัวแทนที่รับมาขายให้ทำความสะอาดให้เพราะอาจมีจุดหรือช่องเล็กๆที่ขี้หูเข้าไปติด  หากเราหาอะไรมาเขี่ยเช็ดทำความสะอาดเอง อาจทำให้อุปกรณ์พังได้

           จากข้อห้ามต่างๆที่กล่าวมาส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องการเก็บรักษา หรือการใช้งานให้ห่างจากความร้อน ความชื้นและจาการเปียกน้ำเพราะส่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้อุปกรณ์ของเราเสียได้ง่าย นอกจากจะหลีกเลี่ยงสิ่งที่แนะนำเบื้องต้นแล้วเราต้องหมั่นสังเกตอุปกรณ์ของเราด้วย หากพบว่าอุปกรณ์ใช้งานได้ไม่ดีเหมือนเดิม ควรนำไปให้ศูนย์ที่จำหน่ายเครื่องช่วยฟังตรวจสอบให้อย่างซ่อมเองอย่างเด็ดขาด

มารู้จักโรคต่อมทอนซิลกันดีกว่า

ต่อมทอนซิล ที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆ คือ เวลาที่เราป่วยคุณหมอมักจะส่องไฟลงที่ลำคอแล้ว บอกกับเราว่าต่อมทอนซิลอักเสบบ้าง ต่อมทอนซิลโตบ้าง แล้วมันคืออะไรล่ะ ต่อมทอนซิล ก็คือ ต่อมน้ำเหลือง 2 ต่อมคู่ข้างซ้ายและขวาในลำคอที่อยู่ด้านข้างใกล้กับโคนลิ้น มีหน้าที่หลักในการจับและทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางเดินอาหาร
ต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) ที่เรามักจะได้ยินคุณหมอพูดนั้น หมายถึงว่าต่อมทอนซิลของเรากำลังติดเชื้อนั่นเอง อาการต่อมทอนซิลอักเสบมักพบมากในเด็กจากการติดเชื้อไวรัส และเด็กๆ สามารถส่งต่อเชื้อให้ผู้อื่นง่ายมาก ทำให้ติดต่อกันได้ง่าย เนื่องจากไม่รู้จักป้องกัน ส่วนในเด็กโตและผู้ใหญ่อายุก่อน 20 ปี มักจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ส่วนใหญ่มักไม่พบในผู้ป่วยวัยกลางคนไปแล้ว ต่อมทอนซิลอักเสบไม่ได้เป็นปัญหาที่ร้ายแรงอะไรนัก เพียงแต่ว่าจะทำให้เรารู้สึกเจ็บคอ กลืนน้ำลำบาก กลืนอาหารลำบาก แถมยังทำให้เรารู้สึกไม่สดชื่น รบกวนการใช้ชีวิตในแต่ละวัน การศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันเราและสมาชิกในครอบครัวให้ห่างจากโรคนี้ โดยเฉพาะประเทศร้อนชื้นที่ผู้คนรอบตัวเป็นหวัดและไม่สบายจำนวนมาก

รู้จักโรคต่อมทอนซิลอักเสบให้ถูกต้อง
โรคต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นโรคที่สามารถส่งต่อหรือติดต่อกันได้ทางระบบหายใจและการสัมผัสเชื้อโรคจากผู้ป่วย เช่น หากคุณต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วย ก็จะได้รับการสัมผัส ลมหายใจ การไอ การจาม การสัมผัสสารคัดหลั่งน้ำมูกหรือน้ำลาย และการใช้สิ่งของร่วมกันหรือดื่มน้ำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น หลอดน้ำ ช้อนส้อมทานข้าว แก้วน้ำ และผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น

อาการของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ
ผู้ป่วยทอนซิลอักเสบ จะมีอาการ ดังต่อไปนี้
– เจ็บคอ
– มีไข้
– กลืนลําบาก
ในผู้ป่วยเด็กสังเกตได้จากอาการ
– น้ำลายไหล เพราะกลืนน้ำลายไม่ได้ กลืนลำบาก
– ต่อมทอนซิลบวม
– ปวดร้าวไปที่หู เนื่องจากการอักเสบที่ลำคอ
– หากเจ็บคอมากจะอาเจียนหลังจากกรับประทานอาหารเพราะลำคอที่เจ็บโดนรบกวน

ในโลกปัจจุบันที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วความก้าวหน้าของคนและเทคโนโลยี ความคิดคนได้เปลี่ยนไปไม่ได้มองอาหารเป็นเพียงแค่ปัจจัยสี่อีกต่อไป ยิ่งเลือกทานอาหารที่ดียิ่งสะท้อนถึงสุขภาพผู้บริโภคด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในปัจจุบันจะมีนวัตรกรรมทางอาหารถูกคิดค้นขึ้นมามากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค กลายเป็น ‘ฟู้ดเทรนด์’ ออกมาในแต่ละปี และสำหรับปี 2019 นี้กระแสอาหารที่มาแรงแซงโค้งมากก็คงหนีไม่พ้นเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มหันมาทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นหลัก หรือการกินเพื่อสุขภาพนั่นเอง ปีนี้อะไรมาแรงบ้างตามไปดูกันเลย

Clean Label จะมาแทนที่ “Natural label”
ผู้บริโภคยุคใหม่ฉลาดเลือก ฉลาดซื้อมากขึ้น เพราะสินค้าที่ติดฉลากเป็น Clean Label เป็นสินค้าประเภทที่ต้องบอกรายละเอียดส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจนว่า ไม่ใช้สารสังเคราะห์ ไม่ใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล แม้กระทั่งใส่สีและกลิ่นสังเคราะห์ ต้องผ่านกระบวนการแปรรูปมาน้อย ใช้ส่วนผสมเรียบง่ายจากธรรมชาติ ซึ่งจะมาบอกว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพเฉยๆ ไม่ได้แล้ว อาหารบางยี่ห้อต้องบอกถึงขั้นแหล่งที่มาและกระบวนการผลิตเลยทีเดียว

Plant Based Food กำลังมา
Plant Based Food คือ การเลือกทานอาหารจากพืช ธัญพืชเป็นหลัก เป็นที่นิยมทั่วโลก เพราะปัจจุบันจำนวนผู้บริโภค Vegan มีมากขึ้น ส่วนประกอบหลักของ Plant Based Food จะเป็นผลไม้ ผัก ธัญพืช ถั่ว สมุนไพร และสารสกัดจากพืช ปัจจุบันคนจะเลือกผลิตภัณ์หรืออาหารที่ระบุคุณค่าอาหารแบบเจาะจงมากกว่าผลิตภัฑ์ที่มีคำว่า “vegan” เฉยๆ

อาหารพิเศษสำหรับคนพิเศษ Personalized Nutrition
คนพิเศษในบทความนี้ หมายถึง ผู้บริโภคที่มีความต้องการอาหารที่มีคุณค่าแบบเฉพาะเจาะจงหรือมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างจากคนอื่น เช่น Personalized Diet อาหารเพื่อสุขภาพเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก ลดความอ้วน นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีความต้องการคุณค่าทางอาหารบางประเภทและไม่ต้องการสารอาหารบางตัว ก็มีความต้องการอาหารเทรนด์นี้มากเช่นกัน ทำให้เกิดการตื่นตัวกับการดูแลวิถีการกินของตัวเองมากขึ้น และผู้ผลิตต่างขยายไลน์การผลิตมาผลิต “สมาร์ทฟู้ด” เพื่อตอบสนองผู้ป่วยสูงอายุมากขึ้น

Evergreen Consumption
เนื่องจากกระแสรักษ์โลกกำลังมาแรง ผู้บริโภคยุคนี้จึงเลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่รักษ์โลกด้วยเช่นกัน ผู้บริโภคต้องรู้ถึงกระบวนการผลิตตั้งแต่ฟาร์มจนไปถึงร้านขาย เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่เขาเลือกนี้ในกระบวนการผลิตใช้สารพิษน้อยที่สุดและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย หากผลิตภัณฑ์นี้มีกระบวนการที่ก่อให้เกิดขยะมากเกินจำเป็น ผู้บริโภคก็อาจตัดสินใจไม่ซื้อแม้จะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแค่ไหน ทั้งนี้รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ที่เลือกใช้ต้องใส่ใจสุขภาพด้วย

มีเคล็ดลับดูแลตับให้แข็งแรงด้วยวิธีง่ายๆมาฝาก

เนื่องจากตับของเราต้องการดูแลเป็นพิเศษเพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าตับมีความสำคัญมาก ดังนั้นวันนี้เรามี เคล็ดลับดูแลตับให้แข็งแรง มาฝาก แต่ก่อนอื่นต้องรู้จักกับสาเหตุที่ทำให้ตับพังกันเสียก่อน

กิจกรรมพื้นฐานที่เราปฏิบัติกันในแต่ละวัน ที่ทำให้ใครหลายคนไม่รู้เลยว่ามันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตับของเรา พัง! ชีวิตในปัจจุบันของหลายคนมักถูกแขวนไว้อยู่กับคำว่าเร่งรีบ และไม่ได้โฟกัสว่าจะทำให้ร่างกายของเราสึกหรอหรือไม่ ทำให้ร่างกายของเรารับภาระส่วนใดส่วนหนึ่งหนักไปรึเปล่า และทุกไลฟ์สไตล์เหล่านี้นี่แหละ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของตับ วันนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่าคุณทำกิจกรรมเหล่านี้เป็นประจำโดยไม่รู้ตัวหรือไม่

  1. นอนดึกและตื่นสายเป็นประจำ น่าจะจัดได้ว่าเป็นกิจกรรมสุดโปรดของใครหลายๆคน ซึ่งกิจกรรมนี้จะส่งผลเสียให้กับสุขภาพร่างกายเป็นอย่างมาก หากนอนดึกมากเกินไป เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายควรจะพัก แต่เรายังไม่นอน ก็จะทำให้ตับนั้นทำงานหนักเกินไป หรือหากตื่นสายมากเกินไป ซึ่งควรจะเป็นช่วงที่ตับจะรับสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายนั้นก็ไม่มี ส่งผลทำให้เราขาดสารอาหารไปในแต่ละวันได้
  2. กินอาหารที่มีสารกันบูด สารแต่งกลิ่น แต่งสี แต่งรสชาติ มากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อตับเช่นกัน ซึ่งตับของเรานั้นทำหน้าที่กรองสารพิษ และขับออกไปจากร่างกาย แต่หากเรารับสารพวกนี้เยอะๆ ตับทำงานไม่ทัน ก็จะทำให้การทำงานของตับนั้นไม่มีประสิทธิภาพ เกิดภาวะตับเสื่อม และทำให้ร่างกายของเรานั้นสะสมสารพิษมากขึ้น ส่งผลให้เกิดโรคร้ายตามมาได้
  3. ดื่มแอลกอฮอล์ สายแฮงค์เอาท์ปาร์ตี้ควรระวัง การดื่มนั้น จะทำให้แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและส่งตรงไปยังตับ หากดื่มในปริมาณมากๆจะเกิดภาวะไขมันพอกตับ ทำให้ตับค่อยๆเสื่อมสภาพ และกลายเป็นโรคตับแข็งได้
  4. การสูดดมกลิ่นบุหรี่ การสูบนั้นหลักๆจะทำลายปอด แต่การสูดดมนั้นเป็นภัยร้ายชั้นดีที่สามารถทำให้ตับเราพังได้เช่นกัน เพราะตับมีหน้าที่ดักกรองและทำลายสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งควันบุหรี่นั้นมีสารอนุมูลอิสระที่หากเราได้รับและมันปะปนเข้าสู่ร่างกายก็สามารถเข้าไปทำลายเซลล์ตับได้ และหากร้ายที่สุดรับเข้าไปมากๆก็อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งตับได้

 

‘คีโตเจนิค’ ลวงสมองให้เข้าสู่โหมดลดความอ้วน

การลดความอ้วนด้วยการกินอาหารแบบที่เรียกว่า “โลวคา์รป” เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมานานแล้วและปัจจุบันการกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำได้ถูกปรับรูปแบบให้เป็นวิธีการลดน้ำหนักแบบที่เรียกว่า “คีโตเจนิค”

วิธีทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโต
การทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ คีโตน คือภาวะที่ร่างกายไม่มีน้ำตาลกลูโคส เพียงพอที่จะใช้เป็นพลังงาน ดังนั้นร่างกายจึงเปลี่ยนมาใช้น้ำตาลจากไขมันที่มีอยู่ในร่างกายแทน เพื่อทดแทนน้ำตาลกลูโคสให้กับสมองด้วยวิธีการเช่นนี้ ทำให้ ผู้ที่คิดจะลดความอ้วน ยังคงกินได้เป็นปกติ เพียงแต่หลีกเลี่ยงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตให้น้อยที่สุด และร่างกายจะทำการดึงเอาน้ำตาลจากไขมันมาใช้แทน

แม้จะเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว แต่การลดน้ำหนักด้วยวิธีแบบ คีโตเจนิค ก็ยังไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยวารสารทางการแพทย์ ระบุว่ามีกลุ่มคนสามกลุ่มที่ไม่ควรลดน้ำหนักด้วยวิธี คีโตเจนิค กลุ่มแรกคือผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือ มีภาวะเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน กลุ่มที่สองคือ ผู้ที่ต้องกินยาควบคุมความดันโลหิต และ กลุ่มสุดท้ายคือมารดาที่กำลังให้นมบุตร

วิธีกินแบบคีโตเจนิค
วิธีกินแบบคีโตเจนิค คือการกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ในจำนวนน้อย ซึ่งมีการระบุไว้ว่ากินได้ที่ 50 กรัมต่อวัน แต่ถ้าให้ดีให้ได้ผลเร็วคือ 20 กรัมต่อวัน (ข้าวหนึ่งทัพพี หรือ ขนมปังหนึ่งก้อน) ในขณะเดียวกันคุณสามารถทดแทนด้วยการกิน เนื้อสัตว์ได้ทั้งหมู เนื้อ ไก่ ปลา (ส่วนอาหารทะเลก็ได้แต่ไม่ควรมากเกินไปเพราะคอเลสเตอรอลสูง) ไข่ไก่ ชีส และ ผัก เพื่อทดแทนส่วนของคาร์โบไฮเดรต

นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถใช้เนย ในการทำอาหารแทน น้ำมันและยังใส่นมในเครื่องดื่มได้ด้วย ขณะเดียวกันอาหารประเภทถั่วทั้ง แมคคาดีเมีย และ อัลมอนต์ ก็เป็นทางเลือกที่ดีในกรณีที่คุณชอบกินขนมขบเคี้ยว

สิ่งที่คนกินคีโตควรหลีกเลี่ยง
สิ่งที่ คนกิน คีโต แบบ Beginner ควรหลีกเลี่ยงให้ไกลคือน้ำอัดลม น้ำผลไม้ ผลไม้ที่ให้น้ำตาลสูงอย่างกล้วยหอม ขนมปัง มันฝรั่ง พาสต้า โดนัท ช็อกโกแลตบาร์ เบียร์ เหล่านี้ล้วนให้น้ำตาลสูงเป็นอย่างยิ่ง

แล้วเครื่องดื่มแบบไหนที่ดื่มได้บ้าง คำตอบคือ น้ำดื่มบริสุทธิ์ ส่วน ชา กาแฟ นั้นยังดื่มได้แต่ไม่ควรใส่น้ำตาล แต่ถ้ายังอยากใส่นมสดก็พอได้ นอกจากนี้คุณยังพอดื่มได้ โดยมีสิทธิดื่มไวน์แดงได้ 2 แก้ว

ทั้งหมดนี้คือการกินแบบ คีโตเจนิค แบบ Beginner ซึ่งหมายความว่าคุณต้องมีวินัยเป็นอย่างมาก และถ้าสามารถทำได้ติดต่อกัน 14 วันก็จะเห็นผลของการกินได้ทันที เพียงแต่ในระยะยาวคุณต้องกินในลักษณะนี้ให้เป็นนิสัย เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพกับวิธีการกิน แต่ถ้าน้ำหนักลดแล้วกลับไปกินแบบเดิม ก็จะกลับมาอ้วนอีกครั้ง แล้วกลับไปลดแบบเดิมใหม่ แบบนี้จะเกิดผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง