โรคมะเร็งในระบบสืบพันธุ์ โรคนี้ร้ายแรงหรือไม่ เป็นแล้ว ต้องรักษาอย่างไร

โรคมะเร็งในระบบสืบพันธุ์   เป็นกลุ่มของโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในอวัยวะของระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงและชาย ในผู้หญิง มะเร็งที่พบบ่อยในระบบสืบพันธุ์ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก , มะเร็งมดลูก , มะเร็งรังไข่ , และมะเร็งช่องคลอด ในขณะที่ในผู้ชาย มะเร็งที่พบได้บ่อยคือ มะเร็งต่อมลูกหมาก , มะเร็งอัณฑะ , และมะเร็งอวัยวะเพศชาย 

มะเร็งในระบบสืบพันธุ์ถือเป็นโรคร้ายแรงเนื่องจากมีศักยภาพในการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย (metastasis) และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที ระดับความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะของโรคเมื่อได้รับการวินิจฉัย และการตอบสนองต่อการรักษา

มะเร็งในระบบสืบพันธุ์บางชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกผ่านการตรวจคัดกรอง ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งรังไข่ มักไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก ทำให้มักพบในระยะที่เป็นมากแล้ว ซึ่งส่งผลต่อการรักษาและการพยากรณ์โรค

 

อาการของมะเร็งในระบบสืบพันธุ์จะแตกต่างกันไปตามชนิดของมะเร็ง แต่อาการที่พบบ่อยได้แก่:

– มีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด เช่น เลือดออกหลังหมดประจำเดือน หรือเลือดออกระหว่างรอบเดือน

– มีปัสสาวะหรืออุจจาระผิดปกติ

– ปวดท้องน้อยหรือปวดหลังอย่างต่อเนื่อง

– มีก้อนหรือบวมในอวัยวะสืบพันธุ์

– ปวดเวลามีเพศสัมพันธ์

– น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

– อาการอ่อนเพลียทั่วไป

การรักษาโรคมะเร็งในระบบสืบพันธุ์ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค สุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย และปัจจัยอื่น ๆ การรักษาหลัก ๆ ได้แก่:

  1. การผ่าตัด : ในหลายกรณี การผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกออกเป็นการรักษาหลัก โดยอาจมีการผ่าตัดเอาอวัยวะที่ติดเชื้อออกบางส่วนหรือทั้งหมด เช่น การตัดมดลูก ในกรณีของมะเร็งมดลูก หรือการตัดอัณฑะ ในกรณีของมะเร็งอัณฑะ
  2. การฉายรังสี : การฉายรังสีใช้ในการทำลายเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะในกรณีที่มะเร็งไม่สามารถผ่าตัดได้หรือเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาหลังการผ่าตัดเพื่อป้องกันการกลับเป็นใหม่ของมะเร็ง
  3. การใช้ยาเคมีบำบัด เคมีบำบัดใช้ยาที่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งซึ่งสามารถใช้ร่วมกับการผ่าตัดหรือการฉายรังสี โดยเฉพาะในกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย
  4. การบำบัดด้วยฮอร์โมน ใช้ในมะเร็งที่ตอบสนองต่อฮอร์โมน เช่น มะเร็งต่อมลูกหมากหรือมะเร็งมดลูก ซึ่งการบำบัดนี้มีวัตถุประสงค์ในการลดระดับฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของมะเร็ง
  5. การรักษาด้วยภูมิคุ้มกัน การบำบัดนี้ใช้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง เป็นวิธีใหม่ที่กำลังได้รับการพัฒนาและนำมาใช้ในบางกรณีของมะเร็ง

 

การป้องกันโรคมะเร็งในระบบสืบพันธุ์สามารถทำได้โดยการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจ Pap smear เพื่อตรวจหามะเร็งปากมดลูกตั้งแต่ระยะแรก การตรวจสุขภาพประจำปี และการปฏิบัติตามแนวทางการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้    เครื่องช่วยฟังราคาถูก     การฉีดวัคซีนป้องกัน HPV สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้